เจาะลึกเคล็ดลับการสอบ TOEFL Part Listening (การฟัง) พร้อมตัวอย่างข้อสอบ

ทักษะการฟัง (Listening) ถือเป็นหนึ่งในการสอบ TOEFL ที่ถือว่าโหดและหินสำหรับหลายๆคน เนื่องจากทักษะการฟังภาษาอังกฤษนั้น เป็นทักษะที่ไม่สามารถเตรียมตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเทียบกับทักษะอื่นที่ยังพอจะสามารถรวบรัดตัดใจความในการเตรียมตัวได้อย่างรวดเร็ว เช่น ทักษะการเขียน ที่อาจใช้รูปแบบสากลในแต่ละย่อหน้า หรือการอ่านที่สามารถเน้นย้ำจำคำศัพท์ที่มักจะออกในข้อสอบบ่อยๆ ในขณะที่ทักษะการฟัง นอกจากจะต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการฟังแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆส่วนที่จะทำให้คุณคุ้นชินกับเสียงและสำเนียงของเจ้าของภาษา เข้าชมคอร์ส TOFEL ของ Insight ที่นี่

อย่างไรก็ตาม วันนี้เราลองมาทำความรู้จักเบื้องลึกกับการสอบทักษะการฟัง (Listening) ในการสอบ TOEFL เพื่อที่จะช่วยให้คุณได้เตรียมตัว เตรียมความพร้อมในการสอบได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุดกันค่ะ

TOEFL: Listening Part คะแนนเต็มเท่าไร?

สำหรับคะแนนในทักษะการฟังหรือ Listening Part ในการสอบ TOEFL นั้น เป็นการประเมินที่เข้าใจง่ายและไม่ซ้ำซ้อน โดยจะมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน จากการคิดคำนวณข้อละ 1 คะแนน และมีหลักเกณฑ์ในระดับของคะแนนดังต่อไปนี้

ช่วงคะแนน 0-8 คะแนน : Below-Intermediate

ช่วงคะแนน 9-16 คะแนน : Low-Intermediate

ช่วงคะแนน 17-21 คะแนน : High-Intermediate

ช่วงคะแนน 22-30 คะแนน : Advance

ดังนั้น หากคุณทำข้อสอบในทักษะการฟังได้อย่างเต็มที่และได้คะแนนสูง ย่อมทำให้คะแนนภาพรวมของ TOEFL เป็นไปได้ตามที่คาดหวังอย่างแน่นอน

ลักษณะข้อสอบ TOEFL: Listening Part เป็นอย่างไร?

ในปัจจุบันนั้น การสอบ TOEFL จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือการสอบ TOFEL แบบ IBT และแบบ TOFEL ITP แต่สำหรับการสอบใน Listening Part นั้น การสอบทั้ง 2 รูปแบบถือว่ามีความคล้ายคลึงกันและไม่มีข้อแตกต่างกันมากนัก สิ่งที่แตกต่างเล็กน้อยเป็นเพียงลักษณะคำตอบที่มักพบว่า การสอบในรูปแบบของ IBT ในบางข้ออาจมีคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า 1 ข้อขึ้นไป ในขณะที่รูปแบบ ITP จะมีคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียวเท่านั้น

บททดสอบการฟังของ TOEFL นั้น มักมุ่งเน้นไปที่การสนทนาหรือถกถียงกันในรูปแบบของวิชาการ ดังนั้น คำศัพท์ที่ใช้มักเป็นคำศัพท์เฉพาะหรือคำศัพท์ที่อาจไม่ได้พบเจอในชีวิตประจำวันมากนัก และระดับภาษาที่ใช้จะเป็นในรูปแบบทางการเสียส่วนใหญ่ ผู้สอบจึงควรเตรียมความพร้อมโดยการฝึกฟังข่าวต่างประเทศ หรือการปาฐกถาข้อมูลที่เป็นรูปแบบเชิงวิชาการ จะเหมาะสมที่สุด

สำหรับการทดสอบทักษะการฟังนี้ จะมีเวลาให้ทั้งสิ้น 60-90 นาที และมีลักษณะข้อสอบดังต่อไปนี้

1.Academic Lecture Part: ในส่วนแรกนี้ ผู้เข้าสอบจะได้ฟังการบรรยายในหัวข้อที่แตกต่างกันไป โดยอาจเป็นการจำลองสถานการณ์เฉพาะด้านต่างๆ หรือเป็นการพูดเชิงวิชาการ ซึ่งประกอบไปด้วย 4-6 เรื่อง ใช้เวลาเรื่องละประมาณ 3-5 นาที และมีข้อสอบหรือคำถามย่อยในแต่ละเรื่อง เรื่องละประมาณ 6 ข้อย่อย

2.Conversation Part: ในส่วนที่สองจะเป็นการสนทนาระหว่างบุคคล ประกอบด้วยเรื่องราวประมาณ 2-3 เรื่อง ใช้เวลาเรื่องละประมาณ 3 นาที และมีข้อสอบหรือคำถามย่อยในแต่ละเรื่อง เรื่องละประมาณ 5 ข้อย่อย

ตัวอย่างคำถาม-คำตอบ จากข้อสอบ TOEFL: Listening Part?

สำหรับตัวอย่างคำถามจากข้อสอบ TOFEL ในทักษะการฟัง (Listening Part) นั้น สามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้

  1. Academic Lecture Part: คำถามที่มักจะพบบ่อยในการทดสอบทักษะนี้ คือ การถามกว้างๆถึง Main Point ในการพูดอภิปรายนั้นๆ, วัตถุประสงค์ในการพูด, ประโยชน์ที่ได้รับจากการฟัง, ทำไมถึงเกิดข้อถกเถียงในประเด็นที่พูดถึง และข้อมูลปลีกย่อยที่สำคัญจากการพูด ซึ่งผู้สอบควรจะจดโน้ตในประเด็นสำคัญในระหว่างการฟัง เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรายละเอียดสำคัญหรือลืมข้อมูลบางอย่างที่อาจเป็นคำถามได้
  2. Conversation Part: คำถามเกี่ยวกับ Conversation Part มักเป็นเรื่องรายละเอียดหลักในการสนทนาระหว่างบุคคล เช่น ประเด็นหลักในการพูดคุยกัน, นาย A ต้องการอะไรจากนาย B, หรือรายละเอียดต่างๆที่น่าสนใจจากการสนทนา เป็นต้น ใน Part นี้เมื่อเปรียบเทียบกับทักษะ Academic Lecture ผู้สอบอาจรู้สึกเข้าถึงและเข้าใจได้มากกว่า เนื่องจากการสนทนาส่วนใหญ่มักใช้ในชีวิตประจำวัน และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะมีคำศัพท์หรือ dialogue ที่หลายๆคนคุ้นเคยมากกว่า terms เชิงวิชาการใน part แรกนั่นเอง
เตรียมตัวพิชิตคะแนน TOEFL: Listening Part อย่างไรในเวลาอันรวดเร็ว?

สำหรับเทคนิคการพิชิตคะแนนทักษะการฟัง (Listening Part) ในการทดสอบภาษาอังกฤษ TOFEL นั้น สามารถทำได้ดังต่อไปนี้

  1. ฝึกการฟังจากการรับชมภาพยนตร์ภาษาอังกฤษแบบไม่มี Sub-Title

ในยุคปัจจุบันที่เราสามารถเข้าถึงภาพยนตร์ที่มีเสียงภาษาอังกฤษได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นช่องโทรทัศน์สื่อหลักบางช่อง หรือการใช้แอพพลิเคชั่นอย่าง Netflix, HBO, Disney plus หรือแม้กระทั่ง YouTube ก็ทำให้คุณสามารถฝึกภาษาอังกฤษในทักษะการฟังนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่มีต้นทุนที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับยุคสมัยก่อน

การฝึกการฟังในข้อนี้ นอกจากจะสามารถช่วยให้คุณคุ้นชินกับการออกเสียง สำเนียงแบบเจ้าของภาษาได้ในระยะเวลาอันสั้นแล้ว ยังทำให้คุณเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เนื่องจากความสนใจใคร่รู้ในเนื้อหาของภาพยนตร์ ย่อมไปกระตุกต่อมความอยากรู้ และส่งผลให้การเรียนภาษาอังกฤษในรูปแบบนี้เป็นไปได้อย่างยาวนานและต่อเนื่อง สามารถฝึกได้ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงวัยทำงานเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นมือใหม่หัดฟัง อาจเริ่มต้นจากการเปิด Sub-Title ภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วยก่อน เมื่อหูของคุณเริ่มปรับสภาพและสามารถฟังออกได้หลายประโยคแล้ว จึงค่อยๆปิดการโชว์ Sub-Title เพื่อจะได้ฝึกการฟังอย่างเต็มประสิทธิภาพและได้รับทักษะการฟังอย่างเต็มเปี่ยม

2. ฝึกฝนการทำข้อสอบ TOFEL เก่า เพื่อให้รู้แนวทางในการสอบ

การทำข้อสอบเก่าถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณได้เปรียบคู่ต่อสู้ เนื่องจากข้อสอบเก่าจะทำให้คุณได้เห็นถึงแนวโน้มในประเด็นหรือปัญหาที่ข้อสอบมักจะถาม ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเก็งข้อสอบได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีการสอบฟัง ทักษะเหล่านี้จะทำให้คุณโฟกัสได้ตรงประเด็นอีกด้วย โดยคุณสามารถหาข้อสอบเก่าได้จากร้านหนังสือทั่วไป ซึ่งมักมี CD หรือ DVD ที่จะช่วยคุณในการเตรียมตัวสอบทักษะการฟังได้ผ่านการฟังคำถาม และเฉลยคำตอบในหนังสือ

3. ทักษะการเขียน ก็สำคัญในการทดสอบการฟัง

นอกจากการฝึกการฟังแล้ว หากคุณฝึกทักษะการ Take note ไปด้วย จะทำให้คุณได้เปรียบกว่าผู้อื่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงการฟังนั้น หากคุณสามารถจดโน้ตในประเด็นที่สำคัญ และเขียนไว้ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีรายละเอียดที่ครบถ้วน ก็จะทำให้คุณสามารถทำข้อสอบทักษะนี้ได้อย่างสบายยิ่งขึ้น เนื่องจากด้วยความตื่นเต้นหรือเป็นกังวลในการสอบ อาจทำให้คุณลืมประเด็นสำคัญหรือพลาดรายละเอียดปลีกย่อยที่อาจเป็นคำถามในการทดสอบ หากคุณสามารถบันทึกสิ่งเหล่านั้นไว้ได้ ก็ย่อมทำให้คุณได้คะแนนมากกว่าการฟังแบบปล่อยผ่านนั่นเอง

4. เรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญ ทางลัดแห่งความสำเร็จในการสอบ TOFEL Listening Part

หากคุณลองทำตามวิธีข้างต้นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ หรือยังไม่สามารถเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น การลงเรียนกับผู้เชี่ยวชาญถือเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเวลาในการเตรียมตัว อาจทำให้คุณจะต้องหาใครซักคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยไขว่า คุณยังไม่พร้อมในส่วนใด เพื่อจะทำให้คุณสามารถเพิ่มทักษะหรือเติมในส่วนที่ขาดหายไปได้อย่างตรงจุด เช่น บางคนอาจไม่เก่งในเรื่องของ Terms เฉพาะทางในด้านวิชาการ ติวเตอร์จะสามารถช่วยเน้นย้ำและหาลิสต์คำศัพท์ที่มักจะพบบ่อยในข้อสอบมาให้คุณ และแนะนำเทคนิควิธีการจำง่ายๆ ที่จะทำให้คุณสามารถจำได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นต้น

ลองให้สถาบัน Insight English ช่วยให้คุณได้คะแนน TOFEL ตามที่มุ่งหวัง!

สถาบันการสอนภาษาอังกฤษ Insight English นั้น มีหลักสูตรเฉพาะทางที่มุ่งเน้นเนื้อหาสาระการสอนเฉพาะการสอบในแต่ละรูปแบบ ดังนั้น หากคุณเลือกเรียนคอร์สการเตรียมตัวสอบ TOFEL ไม่ว่าจะเป็นทักษะไหน คุณก็สามารถแจ้งคุณครูเจ้าของภาษา เพื่อให้เน้นลึกไปที่ทักษะที่คุณอาจจะไม่มั่นใจ หรือต้องการเน้นหนักได้อีกด้วย

นอกจากการเรียนที่ผู้เรียนสามารถออกแบบความต้องการเฉพาะบุคคลได้แล้ว สถาบัน Insight English ยังเป็นสถาบันที่มีการเรียนการสอนในรูปแบบของออนไลน์ เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เราไม่สามารถออกจากบ้านได้อย่างสะดวกหรือสบายใจ Insight English จะทำให้คุณสามารถพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษาอังกฤษได้อย่างไร้อุปสรรคทั้งในด้านสถานที่และเวลา รวมถึงทำให้คุณเพิ่มทักษะได้อย่างรวดเร็วจากคุณครูเจ้าของภาษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ พร้อมที่จะทำให้คุณสนุกและมีความสุขกับภาษาอังกฤษได้อย่างไม่รู้ตัว เข้าชมคอร์ส TOFEL ของ Insight ที่นี่

นอกจากนี้ผู้เรียนสามารถรับชมตัวอย่างข้อสอบได้ที่ลิ้งด้านล่างนี้